การก่อสร้าง ระบบส่งน้ำ ซึ่งรวมถึง สถานีสูบน้ำ จากลำน้ำไปยังพื้นที่การเกษตร มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหารและการพัฒนาชนบท โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วงได้
สถานีสูบน้ำทำหน้าที่เป็น หัวใจของระบบชลประทาน ในพื้นที่ดอนหรือพื้นที่สูงกว่าแหล่งน้ำ
ความสำคัญหลักของสถานีสูบน้ำเพื่อการเกษตร
1. การเอาชนะภูมิประเทศ
- ยกระดับน้ำ: สถานีสูบน้ำใช้ปั๊มขนาดใหญ่เพื่อ สูบน้ำจากลำน้ำ หรือแหล่งน้ำที่อยู่ต่ำ (เช่น แม่น้ำ, คลอง, บึง) ยกขึ้นสู่คลองส่งน้ำ ที่อยู่สูงกว่าหรือส่งตรงไปยังพื้นที่การเกษตร ทำให้สามารถส่งน้ำไปยังที่ดอนได้ ซึ่งการไหลตามแรงโน้มถ่วงไม่สามารถทำได้
2. ความมั่นคงในการเพาะปลูกตลอดปี
- แหล่งน้ำเสริม: ช่วยให้เกษตรกรมี น้ำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อเสริมปริมาณน้ำฝนในฤดูปกติ และสามารถเพาะปลูกได้หลายครั้งต่อปี หรือทำการ เกษตรในฤดูแล้ง ได้อย่างมั่นใจ
- เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ: การได้รับน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอตลอดช่วงการเจริญเติบโตของพืช ทำให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้น และมี คุณภาพดี ซึ่งส่งผลต่อรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกร
3. การจัดการความต้องการน้ำ
- ตอบสนองความต้องการ: สถานีสูบน้ำสามารถ ปรับปริมาณการสูบ ตามความต้องการใช้น้ำของพื้นที่เกษตรกรรมในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4. ลดต้นทุนการผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิต
- ลดค่าใช้จ่าย: การมีระบบส่งน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า (โครงการของรัฐ) จะช่วยให้เกษตรกร ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ในการสูบน้ำด้วยตนเอง (เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง) ได้อย่างมาก
- เพิ่มรายได้: เมื่อผลผลิตดีขึ้น ต้นทุนต่ำลง ย่อมนำไปสู่การ มีรายได้เพิ่มขึ้น และทำให้ คุณภาพชีวิต ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
การก่อสร้างสถานีสูบน้ำจึงเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อรับประกันว่าพื้นที่การเกษตรจะได้รับน้ำที่จำเป็นต่อการผลิตอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ